เครื่องหมาย ชาร์ฟ และ แฟล็ท (Sharp & Flat)

Written By Unknown on 7/09/2558 | 18:01

เครื่องหมาย #ชาร์ฟ และ bแฟล็ท (Sharp & Flat)

เครื่องหมาย ชาร์ฟ และ แฟล็ท (Sharp & Flat)
เครื่องหมาย ชาร์ฟ และ แฟล็ท (Sharp & Flat)
หลังจากที่ผมได้ บอกไปเกี่ยวกับโน๊ตของกีต้าร์ทั้ง 7 ตัวแล้วนั้น นั่นคือ

A B C D E F G 
ซึ่งระดับเสียงจะห่างกัน 1 เสียงเต็ม (หมายถึงระดับความสูงต่ำของเสียงนะครับ) แต่จะมี 2 คู่ที่ต่างกันครึ่งเสียง คือ ระหว่าง E, F และ B, C ไม่ใช่ครึ่งจังหวะนะครับอย่าเพิ่งงงล่ะครับ ตอนนี้เราพูดถึงเรื่องระดับของเสียงอยู่ไม่ใช่จังหวะ
            ในการแต่งเพลงหรือดนตรีสากลมักจะมีเสียงที่เป็นครึ่งๆ คือไม่ใช่เสียงเต็มแบบธรรมชาติซึ่งไม่มีกำหนดในสัญลักษณ์ดนตรีสากล จึงต้องมีการสร้างสัญลักษณ์เพื่อทำให้โน๊ตนั้นมีระดับเสียงสูงขึ้นหรือต่ำลงครึ่งเสียงและสัญลักษณ์ดังกล่าวก็คือเครื่องหมายชาร์ฟ (#) และแฟล็ท (b) นั่นเอง

 - เครื่องหมาย ชาร์ฟ (Sharp ; #) 

เครื่องหมาย ชาร์ฟ (Sharp ; #)

เครื่องหมาย ชาร์ฟ (Sharp ; #) 


เมื่อปรากฎที่โน๊ตตัวใดจะทำให้โน๊ตนั้นมีระดับเสียงสูงขึ้นครึ่งเสียงเช่น C# อ่านว่า ซี-ชาร์ฟ จะมีระดับเสียงสูงกว่า C อยู่ครึ่งเสียง

- เครื่องหมาย แฟล็ท (Flat ; b)

เครื่องหมาย แฟล็ท (Flat ; b)

เครื่องหมาย แฟล็ท (Flat ; b)

ตรงกันข้ามกับ # เมื่อปรากฎที่โน๊ตตัวใดจะทำให้โน๊ตนั้นมีระดับเสียงต่ำลงครึ่งเสียงเช่น Eb อ่านว่า อี-แฟล็ท จะมีระดับเสียงต่ำกว่า E อยู่ครึ่งเสียง
ดังนั้นจะต้องมีโน๊ตที่มีระดับเสียงซ้ำกันอันได้แก่ C# = Db , D# = Eb , F# = Gb , G# = Ab และ A# = Bb นอกจากนี้ยังมี Cb = B , B# = C , E# = F และ Fb = E ซึ่งแบบหลังมักไม่นิยมเขียนในรูป # , b
            เมื่อมีการกำหนดเครื่องหมาย # หรือ b ลงบน staff ที่ในช่องระหว่างเส้น หรือบนเส้นใดก็ตาม (ศึกษาจากเรื่อง scale ได้) จะมีผลบังคับให้ตัวโน๊ตทุกๆ ตัวที่อยู่บนเส้นหรือในช่องนั้นๆ ถูกบังคับด้วย # หรือ b เช่นกัน นอกจากนี้ยังรวมถึงโน๊ตที่มีเสียงเดียวกันทั้งหมด ไม่ว่าจะอยู่ที่ช่องหรือบนเส้นใดของ staff ดังเช่น เมื่อมีการติดเครื่องหมาย # ไว้บนเส้นบนสุดของ staff ซึ่งเส้นนี้มีเสียง F อยู่ เมื่อมี # อยู่บนเส้นนี้จะมีผลให้โน๊ตทุกตัวที่อยู่บนเส้นนี้มีค่าเป็น F# ทั้งหมดโดยที่ไม่ต้องเขียน # ไว้ที่โน๊ตทุกๆ ตัว นอกจากนี้โน๊ตที่มีเสียง F ทั้งหมดเช่นในช่องล่างสุด (ระหว่างเส้นที่ 1 กับ 2) ซึ่งมีเสียง F เช่นกัน ก็จะกลายเป็น F# ไปโดยปริยาย สำหรับเครื่องหมาย b ก็เช่นเดียวกันแต่จะทำให้ค่าของโน๊ตลดลงครึ่งเสียง
            แต่ในการแต่งเพลงบางทีอาจต้องการปรับกลับมาให้เป็นเสียงเต็ม คือต้องการถอดเครื่องหมาย # , b ออกชั่วคราวเช่นแค่ 1 หรือ 2 ห้องหรือเพียงแค่โน๊ตตัวเดียวที่ต้องการปลดเจ้า #, b ออก ดังนั้นเราจึงมีเครื่องหมายอีกตัวที่ใช้ในการปลดเจ้า #, b ออก

สรุปเอาง่ายๆ นะครับ

ถ้าจะเอาไปใช้กับ คอร์ดกีต้าร์ ให้จำง่ายๆ แบบนี้ครับ
- ถ้าเป็น # ให้เลื่อนมือซ้ายที่จับคอร์ดเข้ามาหาตัวเอง 1 บาร์หรือหนึ่ง เฟร็ต (fret) แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้างบางคอร์ด เอาเป็นว่าผมมาอธิบายวันหลังแล้วกันนะครับ
- ถ้าเป็น b ให้เลื่อนมือซ้ายออกจากไปจากตัวเอง 1 บาร์หรือหนึ่ง เฟร็ต (fret) แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้างบางคอร์ด เอาเป็นว่าผมมาอธิบายวันหลังแล้วกันนะครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น